ข้าวของเครื่องใช้และอุปกรณ์ต่างๆ จำเป็นจะต้องนำมาทำความสะอาดหลังการใช้งานทุกครั้ง ไม่เว้นแม้กระทั่งเครื่องซักผ้าที่เอาไว้สำหรับทำความสะอาด ก็อาจไม่ได้สะอาดอย่างที่คิด เนื่องจากภายในตัวถังมีถุงกรองที่ใช้สำหรับกักเก็บฝุ่นละออง และคราบสกปรกจากเสื้อผ้าติดตั้งอยู่ ซึ่งสิ่งเหล่านี้นี่เองเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ติดอยู่ตาม เสื้อผ้าและถังซักของคุณ อีกทั้งยังทำให้มีคราบสกปรกติดมากับเสื้อผ้า ทำให้ซักผ้าเท่าไหร่ก็ไม่สะอาดสักที ฉะนั้นหากเป็นไปได้ควรจะทำความสะอาดเครื่องซักผ้าบ่อยๆ ด้วยวิธีการเหล่านี้กันค่ะ
อุปกรณ์ที่ต้องเตรียม
น้ำส้มสายชู หรือผงซักฟอก
เบกกิ้งโซดา
สเปรย์ทำความสะอาดอเนกประสงค์
ผ้าสำหรับเช็ดทำความสะอาด
วิธีทำความสะอาด
1. สำรวจความเรียบร้อยของเครื่องซักผ้า ว่าอยู่ในสภาพพร้อมใช้งานหรือไม่ พร้อมกับถอดปลั๊กเครื่องซักผ้าออกก่อนทุกครั้ง เพื่อความปลอดภัยของตัวเองและทรัพย์สินภายในบ้าน เพราะถ้าหากเผลอทำความสะอาดในขณะที่ยังปลั๊กยังเสียบอยู่ อาจเกิดอุบัติเหตุได้นะคะ
2. ทำความสะอาดภายนอกตัวเครื่อง โดยนำสเปรย์ทำความสะอาดฉีดลงบนผ้าพอประมาณ จากนั้นนำไปเช็ดรอบๆ ตัวเครื่องให้สะอาดทั้งด้านหน้าและด้านหลัง รวมไปถึงฝาปิดตัวถัง ส่วนตามซอกมุมต่างๆ อย่างเช่น บริเวณช่วงข้อต่อระหว่างฝาปิดกับตัวเครื่อง ให้ใช้แปรงสีฟันขัด เนื่องจากขนแปรงสามารถซอกซอนเข้าไปตามจุดเล็กๆ และขจัดคราบออกได้ง่ายดายกว่า
สำหรับเครื่องซักผ้าที่ตั้งอยู่ริมระเบียงคอนโด หรือนอกบ้าน ควรมีผ้าคลุมเครื่องซักผ้าไว้สำหรับกันแดดกันฝน เพื่อป้องกันฝนสาดเข้าแผงหน้าปัดควบคุมระบบ อันจะทำให้เครื่องเกิดความเสียหายได้ และ
เพื่อป้องกันสีของเครื่องซักผ้าไม่ให้หมองเร็ว
สำหรับผู้ที่ตั้งเครื่องซักผ้าไว้ในบ้าน ก็ควรมีผ้าคลุมเครื่องซักผ้าไว้กันฝุ่นละออง กันรอยขีดข่วน เพื่อให้เราสามารถเช็ดทำความสะอาดได้ง่าย เครื่องซักผ้าดูใหม่อยู่เสมอ
3. ทำความสะอาดถังซักผ้า มีให้เลือก 2 วิธีคือ
3.1 นำผงฟู (เบกกิ้งโซดา) 1 ถ้วยตวง แล้วใส่น้ำให้เต็มถัง (หรือเลือกระดับน้ำสูงสุด) ปั่นสัก 2-3 นาทีเพื่อให้ผงฟูละลาย แล้วหยุดเครื่องไว้อย่างน้อย 3 ชั่วโมง (ทิ้งไว้หนึ่งคืนได้ก็ดี กรณีที่ไม่ได้ล้างบ่อย) เสร็จแล้วก็ให้เครื่องทำงานปกติ (ซัก ล้าง ปั่นแห้ง) และเพื่อให้คราบต่างๆที่ผงฟูได้ทำปฏิกิริยาไว้หมดไปจากตัวถัง แล้วก็ให้เดินเครื่อง (ซักโดยที่ไม่มีผ้า) อีกครั้งหรือสองครั้ง ก็เป็นอันเสร็จ
3.2 สำหรับบ้านที่ไม่ได้ล้างถังซักผ้ามานานมาก และคิดว่ามีรา (โดยเฉพาะถ้าเห็นราสีดำๆ ขึ้นตามขอบยาง) ก็ให้ใช้“น้ำส้มสายชู” 2-3 ถ้วยตวงผสมลงในน้ำในถังซักผ้า (หรือเลือกระดับน้ำสูงสุด) ปั่นสัก 3 นาทีเพื่อให้น้ำส้มสายชูละลาย แล้วหยุดเครื่องไว้อย่างน้อย 1-2 ชั่วโมง เสร็จแล้วก็ให้เครื่องทำงานปกติ (ซัก ล้าง ปั่นแห้ง) และเพื่อให้ราและกลิ่นน้ำส้มสายชูหมดไปจากตัวถัง ก็สามารถเดินเครื่อง (ซักโดยที่ไม่มีผ้า) อีกครั้งหรือสองครั้งก็ได้
4. เมื่อเสร็จสิ้นทุกขั้นตอนแล้ว ใช้ผ้าสะอาดเช็ดภายในถังซัก และเปิดฝาเครื่องซักผ้าทิ้งเอาไว้ เพื่อระบายความอับชื้นกับกลิ่นของน้ำส้มสายชูออกไป เพียงเท่านี้เครื่องซักผ้าก็สะอาดพร้อมกลับมาทำงานใหม่แล้ว
5. เพื่อความสะอาดยิ่งขึ้น อย่าลืมปัดกวาดเช็ดถู บริเวณด้านล่างของเครื่องซักผ้ากันด้วยนะคะ เพราะในส่วนนี้เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดความชื้น พร้อมกับเชื้อราได้เช่นเดียวกัน
เคล็ดลับเพิ่มเติม
ถ้าหากเสื้อผ้าที่ซักแล้วมีกลิ่นอับ หรือ ติดกลิ่นไม่พึงประสงค์มาจากเครื่องซักผ้า สามารถกำจัดกลิ่นเหล่านั้นออกได้ด้วยการนำผงบอแรกซ์ประมาณ 1 ถ้วยตวง มาซักเสื้อผ้าให้สะอาด เท่านี้กลิ่นก็จะหมดไปแล้วค่ะ
สำหรับเครื่องซักผ้าฝาหน้า มีโอกาสเกิดความชื้น เชื้อรา และกลิ่นอับได้ง่ายกว่า ดังนั้นจึงควรหมั่นทำความสะอาดบ่อยครั้ง ด้วยน้ำยาที่มีส่วนผสมของธรรมชาติเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากน้ำยาหรือเคมีภัณฑ์ที่ขายอยู่ทั่วไปอาจทำให้เกิดกลิ่นตกค้าง หรือมีกลิ่นอับมากกว่าเดิมได้
ส่วนเครื่องซักผ้าบางรุ่นที่มีโปรแกรมล้างถังซักภายในตัวเครื่องอยู่แล้ว ถือเป็นเรื่องที่ดีมาก เพราะจะทำให้ทำความสะอาดเครื่องซักผ้าได้ง่าย และทำได้บ่อยครั้งมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตามอย่าลืมทำความสะอาดรอบๆ ตัวถัง และฝาปิดด้วยนะคะ
และสำหรับเครื่องซักผ้าที่ไม่มีโปรแกรมทำความสะอาดตัวถัง หรือคนที่กำลังมองหาวิธีทำความสะอาดเครื่องซักผ้าอยู่ อย่าลืมนำวิธีการเหล่านี้ไปใช้ เพื่อให้มั่นใจว่าเครื่องซักผ้าสะอาดของคุณปราศจากเชื้อโรค และไม่มีกลิ่นอับมารบกวนแล้วจริงๆ
ที่มา:
http://home.kapook.com/view57954.html
http://anngle.org/th/j-lifestyle/house-wife/sentakuki-soji.html
เครื่องซักผ้า, ฝาบน, ฝาหน้า, ล้าง, ผ้าคลุม, ถังซัก, washing machine, cover, Hitachi, Samsung, LG, Electrolux, Sharp, Panasonic, Toshiba